วันจันทร์ ที่ 22 ตุลาคม 2550
หลายชีวิต ๒๕๕๐ - ภาคที่ ๑ ฯพณฯ แม้ว มั่งคั่ง (ลักสิน กินชะมัด)
Posted by คนโทใส่น้ำ , ผู้อ่าน : 311

แหล่งข่าวจากศูนย์บังคับการบินเปิดเผยว่า เสียงในเทปที่ได้จากกล่องดำนั้น ช่วงท้ายของเทปมีเสียงของนายแม้ว มั่งคั่งตะโกนลั่นว่า “ศูนย์บังคับฯ ไม่ใช่พ่อ ไม่ต้องไปฟังมัน” หลังจากศูนย์แจ้งให้นักบินทราบว่าไม่ควรนำเครื่องบินลงเพราะทัศนวิสัยไม่ดี และเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนจะเป็นเสียงระเบิดของเครื่องบินคือ “โธ่ ไอ้นักบินกระจอก” ซึ่งแหล่งข่าวกล่าวตบท้ายว่า “สงสัยนายแม้ว จะเข้าไปสั่งการเองถึงในห้องนักบิน” เพราะศพของนายแม้ว ก็เก็บมาจากห้องนักบิน
นายแม้ว มั่งคั่ง ชื่อนี้ทุกคนรู้จักดี เพราะเขาคือ นายกรัฐมนตรีคนที่ ๕๐๐ แห่งประเทศนี้ จริงๆ แล้ว “แม้ว” เป็นฉายาที่เพื่อนร่วมเรียนอนุบาลเหลี่ยมจ๋าตั้งให้ ส่วน “มั่งคั่ง” นั้น เป็นฐานันดรที่เรียกขานกันตามฐานานุรูป ก็เหมือน “เศรษฐีฮิ่ม” ที่ชาวบ้านมักจะเรียกตามฐานานุรูปว่า “นายฮิ่ม ผู้มีทรัพย์” เพราะเรียกเศรษฐีฮิ่ม แล้วจั๊กจี้ชอบกล
ชื่อตามทะเบียนบ้านของนายแม้วคือ “ลักสิน กินชะมัด” แต่เขาเองเห็นว่าชื่อนามสกุลจริงมันบอกตัวตนของตัวเองตรงไปหน่อย เขาจึงพอใจให้ทุกคนเรียกตัวเองว่า “นายแม้ว” ยกเว้นนักวิชาการเสื้อกั๊ก “ขาประจำ” ที่นายแม้วไม่พอใจให้เรียกเพราะไปเรียกเขาว่า “แม้ว จ๊กมก”
เด็กชายแม้วนั้นเป็นเด็กเรียนเก่ง ฉลาดเป็นกรด มีหัวค้าขายมาตั้งแต่เด็ก จนเป็นที่กล่าวขานกันทั้งย่านบ้านเกิด ขนาดที่ว่าตอนจบชั้นอนุบาล ครูใหญ่เจ้าของโรงเรียนถอนหายใจเฮือกด้วยว่ากลัวเด็กชายแม้วจะไปทำสัญญาขายกระดานดำ โต๊ะ เก้าอี้ ให้กับโรงเรียนอื่น
ด้วยความเป็นคนหัวดี ไม่มีปัญหาเรื่องการศึกษาเด็กชายแม้วก็ได้ศึกษาจนจบหลักสูตรโรงเรียนโปลิศจับขโมย และได้รับทุนการศึกษาที่มาจากเงินภาษีของชาวบ้านตาดำๆ ที่ต่อมาเขาเรียกว่าเป็นพวก “รากหญ้า” ลงเรือสำเภาไปเรียนต่อถึงเมืองลุงแซม จบปริญญาโทสาขาขบวนการตราชูตราชั่ง ที่มหาวิทยาลัยเคนตั๊กกี้ ฟรายด์ชิกเก้น ซึ่งที่นี่เองเขาได้พบกับคู่ชีวิต คือคุณพจมารสังวาลเพชร ที่เคยจีบกันมาตั้งแต่เมืองไทยแล้ว ทำให้เขามีกำลังใจเรียนจนจบมาเป็นด็อกเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแซมซั่นสิงห์อิสาน
เรียนจบมาแล้ว นายแม้วก็มาเป็นหมาต๋า และทำธุรกิจควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นขายผ้าผวย ฉายหนังเร่ ทำคอนดอม แต่ทุกอย่างล้มเหลวสิ้นท่า หมดลายเด็กที่มีหัวการค้า ทำให้เป็นปมในใจว่า “ถ้าคนเก่งอย่างกูค้าขายแล้วยังมีหนี้สินล้นพ้นตัว ต่อไปนี้กูจะไม่แข่งกับใครแล้ว” เขาจึงลาออกจากราชการ
หามิได้!!! เขาไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาทำการค้าแข่งกับคนอื่นๆ แต่เขาทำธุรกิจแบบ “กินรวบ” คือมุ่งหน้าทำแต่ธุรกิจที่ผูกขาดแบบกิน “สัมภทาน”* ซึ่งทำให้เขาสามารถปลดหนี้ปลดสินได้และเริ่มต้นอาณาจักร Sin Cock ของเขาจนลือลั่นไปทั่วไตรภูมิ
*คำเต็มคือ "สัมภเวสีรับประทาน"
No comments:
Post a Comment