“ผมก็เพิ่งเคยลงเรือมาถึงที่นี่แหละ อากาศดีจริงๆ ด้วย”
เราสองคนเริ่มคุ้นกับภาษาอังกฤษแปลกๆ
และการทำมือทำไม้ประกอบการพูด ใครมาเห็นคงจะนึกว่าคนใบ้สองคนคุยกัน
ระหว่างอาหารค่ำบนเรือนั้น มิยูกิเล่าให้ผมคลายความข้องใจว่าทำไมเธอถึงมาเที่ยวเมืองไทยคนเดียว ทำไมถึงได้มาพักโรงแรมชื่อดังระดับโลก และยังเล่าด้วยว่าก่อนที่เธอจะเดินเหม่อลงไปให้รถแท็กซี่เกือบชนนั้น เธอไปเที่ยววัดสุทัศน์ วัดพระแก้วและพิพิธภัณฑ์มา ซึ่งเป็นการเที่ยววันแรกในกรุงเทพฯ ตามโปรแกรมที่เธอตั้งใจไว้ เธอเพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อคืนและเป็นการมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก
ผมก็เล่าให้เธอฟังบ้างว่ากำลังจะกลับบ้าน..ทั้งๆ ที่จะไปสังสรรค์กับเพื่อน..พอเดินออกจากมหาวิทยาลัยจะไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าโรงละครก็เห็นเหตุการณ์พอดี
มิยูกินั้นอายุน้อยกว่าผมปีเดียว เรียนจบอุดมศึกษาแล้ว และขออนุญาตครอบครัวซึ่งทำธุรกิจร้านอาหารมาเที่ยวเมืองไทย เพราะเคยอ่านหนังสือพบว่าเมืองไทยสวยงามน่าเที่ยวมาก จึงนัดกับเพื่อนไว้แต่บังเอิญเพื่อนมีธุระกะทันหัน ขอยกเลิก ด้วยความโกรธเพื่อนและทิฐิของเธอ ทำให้เธอตัดสินใจมาคนเดียว
“ธุรกิจที่บ้านเธอคงดีใช่ไหม เพราะโอเรียนเต็ลนี่ได้ยินว่าราคาไม่ถูกเลยนะ” ผมยังข้องใจ
“ร้านอาหารของคุณพ่อฉันมี 40 กว่าสาขาในโตเกียวและที่อื่นๆ อีก 2-3 เมือง” เธอเฉลยให้ผมหายข้องใจ
“ครอบครัวของไทซังล่ะเป็นอย่างไรบ้าง”
“พ่อผมมีสำนักงานทนายความเล็กๆ ผมก็เป็นลูกจ้างของพ่อนั่นแหละ”
“เหมือนฉันเลย เอ้าดื่มฉลองให้นายจ้างของเราหน่อย” เธอหัวร่อจนเห็นฟันขาวสวย แล้วยกแก้วไวน์ให้ชน
เมื่อตอนที่ผมมาส่งเธอที่ล็อบบี้โรงแรม มิยูกิก็เอ่ยปากถามผม
“ไทซังจะรังเกียจไหม ถ้ามิยูกิขอเชิญเป็นเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันอีกตลอด 7 วันที่เหลือ”
ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจให้ผมตอบเธอไปทันที “ผมยินดีที่ได้เป็นเพื่อนเที่ยวกับมิยูกิครับ ถ้าหากว่าจะให้ผมช่วยจ่ายค่ารถค่าอาหารบ้าง”
“มิยูกิดีใจมากค่ะ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นหน้าที่ของมิยูกิเองนะคะ” ผมก็ได้แต่แบมือและยักไหล่ด้วยท่าที่คิดว่าเท่ที่สุด
“งั้นคืนนี้ราตรีสวัสดิ์และฝันดีนะครับ”
“ค่ะ มิยูกิจะฝันถึงไทซัง กู๊ดไนท์” เธอล้อผมเล่นอีกแล้ว
:: :: :: :: ::
คืนวันที่สองเราไปกินอาหารญี่ปุ่นกันที่ถนนธนิยะ ตลอดเวลาเราสองคนผลัดกันเล่าเรื่องราวต่างๆ มีอยู่ตอนหนึ่งที่ผมเล่าเรื่อง “คู่กรรม” ให้เธอฟัง สีหน้าเธอเคลิบเคลิ้มกับเรื่องที่ผมเล่ามาก แต่สุดท้ายเธอก็บอกว่าผู้ชายญี่ปุ่นที่เธอรู้จักไม่เห็นเหมือน “โกโบริ” สักคน เธอบอกว่าจะเรียกผมว่า “โกโบริ” ผมบอกว่าไม่เอาหรอกไม่อยากเป็นพระเอก...แต่จริงๆ ผมอายต่างหาก เกิดเธอไปเรียกผมแบบนี้ต่อหน้าแม่ค้ากล้วยปิ้ง ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“คืนนี้ไทซังนอนกับฉันที่ห้องดีไหม เช้าๆ จะได้ไม่ต้องรีบตื่น” อยู่ๆ เธอก็พูดประโยคนี้ออกมา จนผมทำปลาดิบที่กำลังคีบอยู่หล่นบนโต๊ะ
“เอ่อ ไม่ดีหรอกมั้งเดี๋ยวโรงแรมจะว่าเอา” ผมรีบบอก
“นอนได้นะ จำไม่ได้เหรอว่าฉันจองห้องสองเตียงเอาไว้ แล้วฉันก็ไม่ได้ยกเลิกหรือเปลี่ยนห้องด้วย”
“เอ่อ ผมไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน” ผมพูดแบบรู้สึกเริ่มโกหกตัวเอง
“โธ่ เดี๋ยวเราก็ซื้อที่ร้านแถวนี้ก็ได้ เมื่อกี้เดินผ่านเห็นขายเยอะแยะเลย”
“เอ่อ..”
“หรือว่าไทซังเบื่อมิยูกิแล้ว”
“ไม่ใช่ๆ แต่ว่า..” ผมจะบอกเธออย่างไรดีล่ะ ว่ามันไม่เหมาะไม่ควร
“งั้นเดี๋ยวออกไปซื้อเสื้อผ้ากันนะ นะ” เธอไปเป็นเซลส์ได้เลยนะเนี่ย
:: :: :: :: ::
เขียนครั้งแรกใน www.oknation.net/blog/konto
วันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม 2551
มิยูกิที่รัก (2)
Posted by คนโทใส่น้ำ , ผู้อ่าน : 1870
No comments:
Post a Comment