“ตื่นขึ้นมารับอาหารเช้าได้แล้วค่ะเจ้านาย” เสียงมิยูกิกระซิบที่ข้างหู แถมด้วยหอมอีกฟ่อดใหญ่ที่แก้มของผม ความเย็นของเนื้อตัวที่เปียกน้ำและพันไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวทำให้ผมต้องลืมตาตื่น
ผมมองดวงหน้าน่ารักของเธอ ไม่มีแววตาตื่นอายกับปรากฎการณ์พระจันทร์เป็นใจที่แสนจะดูดดื่มของเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมขยับปากจะพูดขอโทษแต่เหมือนเธอจะรู้ จึงชิงใช้นิ้วชี้มาทาบปิดริมฝีปากของผม ผมจึงโน้มตัวเธอมานอนเคียงข้าง แล้วกระซิบประโยคที่ผมไม่เคยพูดกับหญิงสาวคนไหน
“มิยูกิ ผมรักคุณ”
“ไทซังพูดแบบนี้มากับผู้หญิงกี่คนแล้วเนี่ย”
“ฟูจิยาม่าเป็นพยาน มิยูกิเป็นคนแรกและคนเดียว”
มิยูกิหัวร่อคิกกับคำสาบานของผม พลางซุกไซร้ต้นคอแล้วงับที่ติ่งหู “ลุกขึ้นได้แล้ว โชเฟอร์ขี้เซา”
หลังอาหารเช้า ผมพามิยูกิขึ้นแท็กซี่ไปที่บ้านของผม เพื่อไปเอารถ เมื่อเดินผ่านรั้วบ้านเข้าไปพบคุณพ่อของผมกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ระเบียงบ้าน ผมแนะนำมิยูกิให้คุณพ่อรู้จัก เธอยกมือขึ้นไหว้แล้วพูดไทยสำเนียงของเธอ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ กินอาหารเช้ากันมาหรือยัง” พ่อของผมพูดตอบด้วยภาษาอังกฤษ
“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมขอเอารถออกเลยนะครับ สายแล้วเดี๋ยวแดดร้อน” ผมตอบแทนมิยูกิ
พ่อของผมพยักหน้าและบอกกับเราสองคนว่า “เที่ยวให้สนุกนะ”
ความจริงผมได้คุยกับพ่อในคืนแรกหลังจากส่งมิยูกิที่โรงแรมแล้วทั้งเรื่องขอยืมรถและจัดการเรื่องงานที่ยังค้างอยู่ที่สำนักงาน พ่อของผมบอกว่าไม่ต้องห่วง แถมยังกระเซ้าผมด้วยว่า “สงสัยจะได้แฟนกับเขาซะที”
ผมเล่าให้มิยูกิฟังระหว่างนั่งแท็กซี่มาแล้วว่า ผมอยู่กับพ่อสองคนที่บ้าน เพราะแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ผมเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ผมไม่ค่อยได้สนิทสนมกับใครมากนัก เพราะต้องมาช่วยพ่อดูแลทั้งที่บ้านและที่ทำงาน พ่อเองก็ดูเหงาไปมากตั้งแต่แม่จากไป ผมจึงไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวเตร่กับใคร เมื่อผมออกปากว่าจะเที่ยวกับสาว พ่อจึงสนับสนุนเต็มที่
:: :: :: :: ::
ข้อเท้าของมิยูกิค่อยยังชั่วแล้ว เธอจึงเดินชมความอลังการในอดีตของอยุธยาได้สบายๆ แต่แขนของเธอก็ยังเกาะแขนผมไว้ตลอดเวลา ผมเอาขาตั้งกล้องไปด้วย เราจึงถ่ายรูปคู่กันกับโบราณสถานของอยุธยากันอย่างมากมาย แต่แปลกที่มิยูกิไม่ใช้ฟิล์มสี ไม่ใช้สไลด์ เธอใช้ฟิล์มขาวดำ “เพราะมันให้ความรู้สึกเร้นลับมากกว่า” เธอบอกผมอย่างนั้น
เรากลับมาถึงโรงแรมเกือบสองทุ่ม ด้วยความเหนื่อยล้าเลยตกลงกันว่าจะไม่ไปเดินเล่นแล้ว จึงสั่งอาหารโรงแรมมากินกันในห้อง หลังจากอาบน้ำและกินอาหารกันเรียบร้อย เรานั่งดื่มไวน์กันที่ระเบียงห้อง คืนนี้พระจันทร์ยังสวยเหมือนเมื่อคืน
“ไทซังคิดจะแต่งงานไหม” มิยูกิถามขึ้นมา
“ผมเพิ่งทำงานได้ปีเดียว กะว่าจะหาประสบการณ์ในการทำงานไปก่อน” ผมเสออกไปนิดหนึ่ง
“ไม่ได้ถามเรื่องงาน ถามว่าคิดจะแต่งงานไหม เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เคยคิดไหม” ผมโดนค้อนญี่ปุ่นเข้าซะแล้ว
“ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยเจอคนที่ถูกใจเลย เลยยังไม่คิด”
“แล้วตอนนี้คิดแล้วหรือยัง”
“ยัง กะว่าจะหา..” เผียะ สงสัยมิยูกิเห็นยุงตัวเบ้อเริ่มที่แขนผม
“พูดจริงๆ สิ” น้ำเสียงชักโมโหแล้วแฮะ
“ผมอยากจะแต่งงานกับผู้หญิงสักคนที่รักผม และผมก็รักเธอ ผมอยากจะมีลูกผู้ชายคนหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่ง..พอใจหรือยังจ๊ะ”
“มิยูกิก็อยากแต่งงาน มีครอบครัว อยากแต่งวันนี้ พรุ่งนี้เลย” เธอพูดพลางเงยหน้ามองพระจันทร์
“ล้อเล่นแล้ว แต่งวันนี้ พรุ่งนี้เหรอ มิยูกิจะหาเจ้าบ่าวที่ไหนกัน”
“ก็แต่งกับไทซังไง” เธอจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบเลย
“ล้อเล่นแล้ว ล้อเล่นแล้ว” ผมเสเอามือจับมือของเธอมาถูกับเคราแข็งๆ ของผม เธอหัวร่อคิกคักพลางหยิกแขนผม ผมก็ไม่ได้เอะใจเลยว่าทำไมเธอพูดอย่างนี้
“ไปเข้านอนกันดีกว่า” เธอชวนพลางฉุดผมลุกขึ้น
มิยูกิจูงมือผมมาที่เตียงของเธอ ล้มตัวลงนอนหงายรอรับร่างของผมที่ล้มตามไป แล้วหฤหรรษ์ของค่ำคืนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง....
:: :: :: :: ::
เขียนครั้งแรก www.oknation.net/blog/konto
วันพุธ ที่ 8 ตุลาคม 2551
มิยูกิที่รัก (4)
Posted by คนโทใส่น้ำ , ผู้อ่าน : 3176
No comments:
Post a Comment