แม่น้ำเจ้าพระยาในค่ำคืนนี้สวยงามมาก แสงจันทร์สะท้อนระลอกคลื่นที่พลิ้วไหว ทำให้ผมอดใจฮัมเพลงไม่ได้
มิยูกิเดินออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุม โดยมีผ้าเช็ดผมโพกไว้บนศีรษะ
ไทซังฮัมเพลงอะไรน่ะ เพราะจังเลย ร้องให้ฟังได้ไหม”
หลังจากอยู่กันมาสองวัน กับไวน์อีกขวดหนึ่งในคืนนี้ ความรู้สึกแปลกแตกต่างของเรา..หรือเฉพาะของผมนะ..เริ่มหายไป
ผมเริ่มร้องเพลง “ลุ่มเจ้าพระยา” ให้เธอฟัง
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
“เพราะจังเลยค่ะ” เธอเดินเข้ามาหอมแก้มผม หน้าผมคงแดงก่ำและตึงด้วยฤทธิ์ไวน์นะเนี่ย
“ไทซังรู้จักเพลงญี่ปุ่นบ้างไหมคะ”
"เคยดูหนังเรื่องเซเว่น ไนท์ อิน แจแปน จำได้ว่าเพลงที่ฮิเดมิ อาโอกิ นางเอกร้องในรถน่ะไพเราะมาก มิยูกิรู้จักมั้ย"
ตอนนี้นึกออกแค่นี้จริงๆ เพราะโรงแรมโอเรียนเต็ลคงกำลังหมุนอยู่แน่ๆ
"รู้จักสิ มิยูกิเคยดูเรื่องนี้ด้วยล่ะ" แล้วเธอก็ร้องและแปลเพลงนี้ให้ผมฟัง
Mori mo iyagaru Bon kara saki nya
ฉันไม่ชอบการดูแลเด็ก หลังจากเทศกาลผ่านไป
Yuki mo chiratsukushi Ko mo nakushi
หิมะก็โปรยปรายลงมา แล้วเด็กน้อยก็ร้องไห้
Bon ga kita to te Nani ureshikaro
ถึงแม้เทศกาลนั้นจะผ่านไปแล้ว แต่ทำไมฉันต้องดีใจด้วยล่ะ
Katabira wa nashi Obi wa nashi
เสื้อผ้าป่านก็ไม่มี สายรัดเอวก็ไม่มี
Kono ko you naku Mori wo baijiru
เด็กน้อยขี้ร้องไห้คนนี้
Mori mo ichinichi Yaseru yara
ดูแลเด็ก 1 วัน ก็ทำให้ผอมลง
Hayo mo ikita ya Kono sato koete
ฉันอยากจะกลับไปเร็วๆ กลับไปสู่บ้านเกิด
Mukou ni mieru wa Oya no uchi
ที่ๆ ฉันสามารถมองเห็นได้ตรงโน้น คือบ้านพ่อแม่ฉัน
Mukou ni mieru wa Oya no uchi
ที่ๆ ฉันสามารถมองเห็นได้ตรงโน้น คือบ้านพ่อแม่ฉัน*
ผมปรบมือให้ เพราะเธอร้องได้ไพเราะจริงๆ
มิยูกิแต่งตัวในชุดกางเกงกีฬาขาสั้นเสื้อกล้ามกีฬามีตรามหาวิทยาลัยของเธอ มานั่งจิบไวน์คุยกันที่ระเบียง ด้วยชุดที่เธอใส่ทำให้เห็นผิวเนียนขาวของเธอ ดวงจันทร์คืนนี้หมองไปเลย..และผมสังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน
เราวางแผนเรื่องเที่ยวอยุธยากันในวันพรุ่งนี้ โดยผมจะยืมรถคุณพ่อมาใช้ตลอดเวลาที่มิยูกิอยู่เมืองไทย หลังจากไวน์หมดไปอีกขวด ผมไปอาบน้ำเสร็จก็กู๊ดไนท์แยกย้ายกันไปนอนคนละเตียง
ผมนอนลืมตาโพลงในห้องที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องแทรกเข้ามาทางระเบียง คิดย้อนไปถึงสองวันที่ผ่านมา คิดไกลไปอีกหลายวันที่จะมาถึง
นี่เป็นกรรมบันดาลหรือบุพเพสันนิวาส ที่ได้ส่งมิยูกิมาพบกับผม ผมปฏิเสธตัวเองไม่ได้เลยว่าหลงเสน่ห์สาวสวยแห่งแดนอาทิตย์อุทัยคนนี้เสียแล้ว
ผมมีเพื่อนผู้หญิงหลายคน ที่สนิทมากๆ ก็หลายคน แต่ไม่เคยมีความรู้สึกที่ยากจะบรรยายอย่างนี้ ผมรู้ว่า...มันเป็นรักแรกพบ และเป็นรักครั้งแรกของผมเสียด้วย เพราะผมก็อาจจะเหมือนกับผู้ชายวัยเดียวกันอีกเป็นล้านๆ คน ที่ยังรักการเที่ยวเตร่สังสรรค์กับเพื่อนๆ มากกว่ามาคอยเคลียคลอพะนอเอาใจหญิงสาวสักคน
เสียงสวบสาบจากเตียงของมิยูกิ ทำให้ผมต้องหันไปมอง ก็เห็นมิยูกิเดินมาที่เตียงของผม แล้วเธอก็แทรกตัวเข้ามาในผ้าห่ม เธอนอนตะแคงเอามือมากอดตัวของผมไว้
“มิยูกินอนไม่หลับ ขอนอนด้วยคนนะคะ”
::: ::: :::
เขียนครั้งแรก www.oknation.net/blog/konto
วันจันทร์ ที่ 6 ตุลาคม 2551
มิยูกิที่รัก (3)
Posted by คนโทใส่น้ำ , ผู้อ่าน : 1834
No comments:
Post a Comment