วันพฤหัสบดี ที่ 25 ตุลาคม 2550
หลายชีวิต ๒๕๕๐ - ภาคจบชีวิต ฯพณฯ แม้ว มั่งคั่ง (ลักสิน กินชะมัด)
Posted by คนโทใส่น้ำ , ผู้อ่าน : 276
หลงจู๊แม้วได้รับตำแหน่งเป็นหลงจู๊ใหญ่อีกครั้งเป็นรอบที่สองด้วยการเป่ายิ้งฉุบชนะคู่แข่งอย่างขาดลอย ทำให้หลงจู๊มีความลำพอง ฮึกเหิมเป็นอย่างมาก คำเตือน คำทัดทานของสื่อมวลชนและนักวิชาการ กลายเป็นคำพูดขัดหู อะไรที่ใช้เงินฟาดหัวได้ก็ฟาดไป อะไรใช้เงินไม่ได้ก็ใช้อำนาจที่มีในมือทั้งบนดินใต้ดินเข้าขยี้ขย้ำออกอาการเศรษฐีเหลิงลมอย่างแท้จริง
และแล้วจะเป็นบาป เป็นเคราะห์ หรือกรรมบันดาลก็แล้วแต่จะเชื่อกัน หลงจู๊แม้วที่คิดว่าไม่มีอะไรที่คนมีเงินและมีอำนาจอย่างเขาจะทำไม่ได้ ก็ได้แก้ขื่อแปของบ้านเมือง ด้วยการยอมให้คนต่างด้าวเข้ามามีส่วนในกิจการโทรคมนาคมได้ถึงครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่มีส่วนได้เพียงเสี้ยวเดียว แถมต่างด้าวตึ๋งหนั่งเกี้ยที่ไหนจะมาเป็นใหญ่ในบริษัทกี่คนก็ไม่สนใจ เรียกว่าหลงจู๊แม้วปูทางสำหรับแผนในอนาคต (๒ วันข้างหน้า) ไว้เรียบร้อย
เพราะถัดจากนั้นอีก ๒ วัน หลงจู๊ก็ขายหุ้นของตระกูลทั้งหมดให้บริษัทจากสิงคโปโตกเรียบร้อยโรงเรียนแม้ว โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ตัวเองขายน่ะไม่ใช่ของตัวเอง แถมเป็นความมั่นคงของแผ่นดิน และที่สำคัญหลงจู๊ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เงินกระเด็นออกมาเป็นภาษีตามที่ควรจะเป็น นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่หลงจู๊เริ่มจุดไฟที่กองฟอนโดยมีตัวเองนั่งอยู่บนเชิงตะกอน
ถัดมาไม่กี่วันหลงจู๊ก็ทำการคว่ำกระดาน ให้มีการเป่ายิ้งฉุบใหม่ เพราะเหล่าจอมยุทธทั้งหลายเรียกร้องให้หลงจู๊ล้างมือในอ่างทองเหลืองไปซะแล้วต้องถูกสอบสวนเรื่องชั่วๆ ที่ก่อไว้มากมายด้วย แต่หลงจู๊ก็ยังไว้ลายเก๋าด้วยการกำหนดเงื่อนไขทุกอย่างให้ตัวเองได้เปรียบในการเป่ายิ้งฉุบ ทำให้จอมยุทธทั้งหลายไม่ยอมเล่นเป่ายิ้งฉุบด้วย หลงจู๊ก็ให้เหล่าม้าใช้ ไปจ้างจอมยุทธพเนจรทั้งหลายมาเล่นเป่ายิ้งฉุบแทน
ถึงแม้จะประสบชัยในการประลองยุทธที่ลือลั่นแปลกประหลาดในประวัติศาสตร์บู๊ลิ้ม แต่ด้วยแรงกดดันมหาศาลจากเหล่าจอมยุทธคุณธรรมทั้งหลาย หลงจู๊แม้วมิอาจไม่ประกาศรับตำแหน่ง ต้องให้ลิ่วล้อคนหนึ่งขึ้นมารับเผือกร้อนเป็นการชั่วคราว ส่วนตัวหลงจู๊เองก็ร่อนเร่ไปเยือนหลงจู๊ต่างเผ่าต่างแดนเพื่อหาคนสนับสนุนตนเอง
วาระสุดท้าย ขณะหลงจู๊แม้วไปร่วมประชุมดูเอ็น ที่ตนเองเคยบอกว่าไม่ใช่เตี่ยนั้น ขุนทัพทั้งหลายมิอาจทนต่อพฤติกรรมของหลงจู๊ ก็ได้ทำการยึดอำนาจหลงจู๊ เป็นอันสิ้นสุดอำนาจเหมือนกับผู้นำคลั่งอำนาจอีกหลายคนที่ต้องเคว้งคว้างอยู่ต่างแดน
แต่คนอย่างหลงจู๊แม้วมีหรือจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาใช้เพลงมารทุกกระบวนท่าในการต่อสู้เพื่อหวนคืนสู่อำนาจ ทั้งอำนาจเงินก่อการภายใน ตีฆ้องร้องป่าวภายนอก การทำตัวให้เป็นข่าวอยู่ตลอดเวลา ซื้อทีมหมากเตะอั๊งม้อ ต่อท่อน้ำเลี้ยง แต่นับวันหลงจู๊จะอ่อนแรง เขาเริ่มรู้สึกว่ามีเงินใช่จะซื้อได้ทุกอย่าง
สำนึกสุดท้ายของหลงจู๊...คือการกลับมาต่อสู้อย่างลูกผู้ชาย การกลับมาต่อสู้ภายใต้กฎเกณฑ์เหมือนอย่างที่คนดีๆ คนหนึ่งพึงกระทำ
แต่อนิจจา...ชีวิตของหลงจู๊...ผิดมาทั้งชีวิต คิดจะทำสิ่งที่ถูกต้องสักครั้ง...ยังไม่มีโอกาส...หรือเป็นเพราะกรรมที่ได้ก่อไว้นั้น วิบัติถึงขั้นดินมิอาจเมตตา ฟ้ามิอาจให้อภัย
สมบัติพัสถานที่กอบโกย โกงกินมา เอาไปได้เพียงที่เป็นเงินปากผี
ร่างอันไร้วิญญาณของหลงจู๊ เหมือนคนนอนหลับธรรมดา ไม่มีคราบเลือด ไม่มีรอยไหม้ใดๆ เสื้อผ้าจะแหว่งวิ่นสักน้อยนิดก็ไม่มี มีเพียงเส้นผมเท่านั้นที่เหลือเป็นหย่อมๆ จากอาการขี้กลากขึ้นหัว
หมายเหตุ
ควรบันทึกไว้ด้วยว่าหลงจู๊แม้วนั้นได้สร้างปรากฎการณ์ที่เป็นสีสันของบู๊ลิ้มไว้หลากหลายด้วยกัน อาทิเช่น
- เป็นหลงจู๊ที่ผายลมออกอากาศในรายการ "หลงจู๊แหกตาประชาชน" ได้ต่อเนื่องยาวนาน
- เป็นหลงจู๊ที่ร่ำรวยที่สุดที่เคยมีมา แต่จ่ายภาษีน้อยที่สุดที่เคยมีมาเหมือนกัน คือไม่จ่ายเลย
- เป็นหลงจู๊ที่เดินตลาดอยู่ดีๆ ก็ถูกอาซ้อที่ขวัญเทียมฟ้าตะโกนไล่
- เป็นหลงจู๊ที่สามารถจัดลำดับความสำคัญได้เก่งมั่กมั่ก "มณฑลไหนทำให้อั๊วเป่ายิ่งฉุบชนะ ก็ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีก่อนที่อื่น"
- เป็นหลงจู๊ที่เคี่ยวเข็ญให้ชาวบ้านรู้จักภาษาอังกฤษทั่วหัวระแหง "No Vote" & "Vote No"
- เป็นหลงจู๊ที่ทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอประเภทเสื้อเหลือง ผ้าพันคอ ผ้าโพกหัว ป้าย กล่องโฟมใส่ข้าว ขายดิบขายดี
- เป็นหลงจู๊ที่ทำให้แก๊งที่สร้างมากับมือถูกสำนักมือปราบประกาศยุบแก๊งเป็นรายแรกในบู๊ลิ้ม
- เป็นหลงจู๊ที่ทำให้ชนชั้นของคนในบู๊ลิ้มเหลือเพียงสองพวก คือ พวกกู กับ พวกมึง และทำให้สารถีขับควายไล่ชาวบ้านลงจากรถได้
- เป็นหลงจู๊ที่ไม่มีรสนิยม ปากบอกชอบดอกไม้ ดันเขย่าต้นราชพฤกษ์หวังจะให้ดอกร่วง ขี้กลากเลยกินเต็มกบาล